Wedding Photographer
มีคำถามที่มีคุณภาพจากเพื่อนใน Facebookและเห็นว่ามีประโยชน์สำหรับน้องๆ คนอื่นด้วยเลยนำมาตอบในเวปนี้พื่อเป็นแนวทางให้คนอื่นได้ศึกษาด้วย
1. การจะเข้าไปรับงานถ่าย portrait / หรืองาน Wedding จำเป็นต้องมี portfolio ไปเสนอทุกครั้งมั้ยครับ…?
ตอบ …ขอแยกเป็นสองกรณีครับ
ใน กรณีที่เรายังไม่เคยรู้จักมักคุ้นกันมาก่อน หรือเขาเองก็ไม่เคยรู้จักเรา หรือไม่เคยเห็นงานถ่ายภาพเรามาก่อน ไม่เคยติดต่อกับว่าจ้างเรามาก่อน ก็จำเป็นมากสำหรับการเตรียม portfolio ไป ให้ลูกค้าดูเพื่อให้ผู้ว่าจ้างได้เห็นสไตล์ และเห็นผลงานของเรา ทำให้ง่ายต่อการตัดสินใจว่าจ้างเรา ยกตัวอย่างเช่น โรงแรม บริษัทออร์แกไนซ์ ที่เราเพิ่งติดต่อด้วย หรือแม้ว่าทางโรงแรมหนึ่งเคยติดต่อว่าจ้างเราบ้างแล้ว แต่เราก็ยังต้องวาง portfolio ไว้ให้โรงแรมเสมอ เพราะบางครั้งทางโรงแรมเองก็ต้องส่ง portfolio ของช่างภาพไปให้ลูกค้าของโรงแรมดูอีกที
ส่วนในกรณีที่รู้จักมักคุ้น จ้างกันอยู่ประจำ portfolio ก็จะลดความสำคัญลงไปครับ เหลือแต่ความน่าเชื่อถือ และมาตรฐานที่คงตัว ของช่างภาพเอง และพฤติกรรมของ Photographerเ ป็นเรื่องสำคัญกว่าครับ เช่น ส่งงานตรงเวลา มาไม่สาย พูดง่าย ใช้คล่อง
2 ตอนที่บังเข้ามาถ่ายมาแบบนี้ครั้งแรก ผลงานบังก็ยังไม่เยอะ ถูกมั้ยครับ แล้วบังมีแนวคิดยังไงถึงประสบความสำเร็จได้ครับ?
ตอบ…ไม่อาจเรียกว่าเป็นแนวคิดได้ครับ ถือเป็นวิธีการมากกว่า ผมใช้วิธีการ… ” งาน สร้างportfolio และ portfolio สร้าง งาน ” ให้ ต่อเนื่องไปไม่มีขาดตอน วิธีการในช่วงแรกของผมเมื่อยังไม่มี ผลงานเป็นของตัวเองมาก ผมจะใช้วิธีการขออาศัยเพื่อนไปดูงานโดยสังเกตุวิธีการทำงาน …หลังจากนั้นก็เสนอตัวไปช่วยถ่ายฟรี ….บาง ครั้งหากติดธุระสำคัญ ผมก็จะยอมหยุดเมื่อมีโอกาศเข้ามา ผมจะเตรียมตัวเองให้พร้อมสำหรับโอกาศ และจะรีบฉวยทันทีเมื่อมันเข้ามา เพื่อให้ได้ไปถ่ายงาน เพื่อเอาพอร์ทงานมาเป็นของตัวเอง บ่อยครั้งที่ผมยอมขาดทุน กับการจ่ายค่าเดินทาง ค่าที่พักเองเพื่อไปถ่ายฟรี ให้กับช่างภาพหลักที่บ่าวสาวว่าจ้าง เพราะเขาไม่มีงบให้ในส่วนนี้ ผมก็ยอมเพราะคำตอบทีสำคัญกว่าคือ portfolio ทั้ง Wedding Portfolio, Family Portfolio , Interior Portfolio….ผมเดินทางไปอบรมเรื่องถ่ายภาพ Wedding ด้วยงบประมาณที่มากในความรู้สึกสำหรับคนที่มีเงินเหลือในธนาคารแค่ 500 บาท กับภาระครอบครัวที่ต้องดูแล แต่บางครั้งเราก็ต้องแลก
หลังจากคุณมี Photography Portfolio แล้ว ขั้นตอนต่อไปก็ไปทำกับคำถามข้อที่ 1 ครับ
3. หลักการคิด… มีคนติดต่อไปถ่ายภาพแบบนี้อยู่บ้างครับ แต่ผมก็ปฎิเศษไป เพราะไม่กล้า, กลังงานเขาเสีย
ตอบ …การกลัวเป็นสิ่งที่ดีครับ เพราะงานเขาอาจเสียได้ …เมื่อ ก่อนผมจะใช้วิธี โยนงานให้รุ่นพี่ที่เก่งกว่าเรา ให้เขาติดต่อกับลูกค้าเอง คุยราคาเอง แล้วเราไปถ่ายกับเขาครับ เขาก็จะแบ่งผลประโยชน์ให้เรา ……งาน ไม่เสีย และเราได้ พอร์ทงานแน่นอน ที่สำคัญเราได้คอนแน็คชั่นกับรุ่นพี่ที่เราให้งานเขาครับ วันหลังเขามีงานเหลือเขาส่งให้คุณแน่นอน ซึ่งผมเองทุกวันนี้จะส่งงานให้เพื่อนๆ ที่มีบุญคุญ ที่เคยช่วยผม ที่เคยให้งานผม ก่อนเป็นอันดับแรกครับ ……อย่า ประมาทรับงานเองในกรณีที่เราขาดความมั่นใจ เพราะไม่คุ้มกับการพยายามให้ได้พอร์ทงาน แต่งานลูกค้าเสีย เพราะในที่สุดหากคุณทำเสียครั้งหนึ่งมันจะเป็นตราบาป และจะมีเสียงลือ ออกไปในทางที่เสียกับคุณได้ครับ
4. อยากให้บังแนะนำครับว่า ถ้าจะทำงานนี้บ้าง ต้องเริ่มต้นยังไง
ตอบ …ง่าย ๆ ครับในเบื้องต้น ทำตามข้อ 2 แล้วไปวางงานตามข้อ 1 หรือ เข้าไปตามลิงค์ด้านล่างของกระทู้นี้ในข้อการหาลูกค้าก็ได้ครับ
5. เรื่องการคุมกล้อง, มุมมอง หรือพื้นฐานอื่นๆ ผมก็พอทำได้อยู่ครับ แต่ยังขาดแค่ประสบการณ์ในด้านนี้
ตอบ…เรื่องพื้นฐานเป็นเรื่องสำคัญครับ ที่จะทำให้มือสมัครเล่น ต่างกับมืออาชีพ และจะมีประโยชน์มากสำหรับการแก้ปัญหาในภาคสนาม ..บางครั้งคำว่ามืออาชีพมันหมายถึงใครแก้ปัญหาได้ดีกว่ากันในภาคสนามเวลามีปัญหาน่ะครับ ..และการแสวงหาความรู้อย่างไม่สิ้นสุดเหมือนอูฐดื่มนำ้ในทะเลทราย ก็จะทำให้เรามีพัฒนาการไปเรื่อย ๆ หาโอกาศทำตามข้อ 2 บ่อยๆครับ
6 ล่าสุดมีบริษัท wedding planer, ติดต่อให้ผมไปทำงานด้วยครับ… พอเขาขอดู portfolioผมก็บอกว่าไม่มีครับ และก็อธิบายต่อไปว่า ผมก็แค่ถ่าย landscape, life เป็นงานอดิเรก ไม่เคยถ่ายภาพเวดดิ้งมาก่อน แต่ผมสนใจและอยากจะทำมาก
ตอบ ..หากคิดจะเข้าสู่วงการนี้ เป็น Wedding Photographer ผมมองว่าโอกาศมาถึงคุณแล้ว แต่ขึ้นอยู่กับ่ว่าคุณจะฉวยโอกาศนี้อย่างไร มันยากที่จะแนะนำครับ …คุณต้องเรียนรู้ที่จะสร้างโอกาศและฉวยโอกาศ มันเป็นเทคนิคของแต่ละคน…….
อ่านเรื่องคล้าย ๆกันที่ผมเคยเขียนได้จาก วิธีหาลูกค้า และNew Photographer